ภาพจาก : http://www.manager.co.th

ห่างหายจากการขีดๆ เขียนๆ ไปนานร่วมปี ไม่ใช่สิต้องบอกว่าหายหน้าไปจากเพื่อนฝูงชาวบล็อคเป็นเวลาปีกว่าเลยล่ะ กลับมาคราวนี้ก็มาพร้อมกับสายน้ำสาดกระเซ็นให้เย็นฉ่ำดับความร้อนอบอ้าวของแสงแดดที่แผดกล้าตลอดทั้งวันกับเทศกาลสงกรานต์ เป็นช่วงเวลาที่กรุงเทพมหานครของเรานั้นเว้นว่างจากความยุ่งเหยิงวุ่นวายจากผู้คนมากมายที่เคยเดินขวักไขว่ในทั่วทุกถนนหนทาง เป็นช่วงเวลาที่ผมชอบที่สุดในหลายๆ เทศกาลที่ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งจีนแขก คุณพี่ไทยของเราก็จะร่วมเฮฮาสาละวันพากันปาร์ตี้ไม่ว่างเว้นเช่นกันกับเค้าทุกทีไปสิน่า นับเป็นคุณลักษณะประจำชาติของคนไทยไปแล้วก็ว่าได้

ดั่งคำกล่าวที่เล่าขานมาแต่ครั้งผมยังเยาว์วัยว่า “ทำอะไรตามใจคือไทยแท้” คนไทยจะไม่ค่อยเคร่งครัดกับระเบียบวินัยเท่าที่ควรเพราะโดยนิสัยประจำตัวของคนไทยนั้นจะนิยมการอลุ่มอล่วยมากกว่าการใช้กำลังเข้าปะทะให้แตกหัก เป็นเหตุให้เราคนไทยจึงรักสนุกทุกเทศกาล เบิกบานใจหน้าตาสดใสสมกับที่ใครๆ ทั่วโลกร่ำลือถึงรอยยิ้มแห่งสยาม อันบ่งบอกถึงขอบขัณฑ์ดินแดนแห่งรอยยิ้มที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็จะพบเจอกับใบหน้าของคนไทยที่อยู่เคียงคู่กับรอยยิ้มอันอบอุ่นให้กับแขกผู้มาเยือนอยู่เสมอๆ แต่หารู้ไม่ว่า ที่คนไทยเรายิ้มให้ชาวต่างชาติก็เพราะว่า(กรู)พูดภาษาอื่นไม่ได้ยังไงล่ะ (กรู)ก็เลยยิ้มเอาไว้ก่อน แต่อย่าได้มาเดินมาคุยกับ(กรู)นะ เพราะ(กรู)จะส่ายหัวแล้วเดินหนีท่าเดียวเลยเชียวล่ะ (ฮาๆๆ ..)

ภาพจาก : (ซ้าย) http://202.129.59.73/free/cal12 // (ขวา) http://www.esanguide.com

นับเป็นวัฒนธรรมเฉพาะตัวของพวกเราที่บรรพบุรุษไทยแต่โบราณได้รังสรรค์เทศกาลแห่งความสุขนี้ขึ้นมาให้ลูกหลานได้สนุกสนานกันในเดือนที่ถือได้ว่าร้อนที่สุดของปี นับเป็นภูมิปัญญาอันชาญฉลาดแบบบ้านๆ ที่แฝงไปด้วยประเพณีอันดีงาม เป็นกุศโลบายอันที่ได้ถือกำเนิดมาจากลักษณะการดำเนินชีวิตแบบเรียบง่ายของหมู่ชนชาวสยามประเทศในอดีตนั่นเอง ในหมู่ประเทศที่เป็นเมืองร้อนอย่างประเทศเราของเรานั้น เมื่อถึงเดือนเมษายนอันเป็นช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดนั้น บรรพบุรุษไทยก็ได้คิดค้นวิธีคลายร้อนที่เป็นแบบฉบับเฉพาะตัวขึ้นมา บ้านเมืองไทยเราสมัยนั้นก็ยังมีความอุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำลำคลองมากมายหลายสายที่คอยหล่อเลี้ยงสรพพชีวิต ครั้นพออากาศร้อนอบอ้าวจนเหงื่อไหลไคลย้อยแล้วจะอาบน้ำเฉยๆ ก็จะแค่เย็นสบายอยู่คนเดียว ด้วยจิตใจที่ชอบช่วยเหลือแบ่งปันตามแบบฉบับไทยๆ นั้น ก็เลยต้องแบ่งปันความสดชื่นรื่นรมณ์ให้ผู้คนที่อยู่รอบข้างได้คลายร้อนถ้วนทั่วกันทั้งในครอบครัว เพื่อนบ้าน จนไปถึงทั้งหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด และสุดท้ายก็เลยกลายเป็นเทศกาลสนุกสนานกันทั้งประเทศแบบนี้

ภาพจาก : http://p2.s1sf.com/mn/0/ud/35/179272/13958914524538-640x390x2.jpg

จนมีประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศที่เป็นนักฉวยโอกาส ฉกเอาไปจัดงานสงกรานต์อยากสาดน้ำกับเค้าบ้างเพื่อเรียกลูกค้าทั้งที่ประเทศของตัวเองยังเกิดมาได้ไม่กี่ปีและไม่เคยมีชา-ติพันธุ์ของตัวเองเลยด้วยซ้ำ เฉกเช่นนั้นก็จงอย่าได้พูดถึงวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมอันเป็นของตัวเองเลยเพราะคงจะไม่มีเป็นแน่แท้ และคงไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของประเพณีที่กว่าจะหล่อหลอมรวมกันมาจากความคิด จิตวิญญาณแห่งชีวิตและวัฒนธรรมความเป็นอยู่ในพื้นถิ่นที่ค่อยๆ สะสมจนกลายเป็นเทศกาลแห่งความสุขอย่างเช่นทุกวันนี้

สงกรานต์มิใช่เพียงแค่การสาดน้ำใส่กันให้ตัวเปียกท่ามกลางแดดร้อนกลางเดือนเมษาฯ เท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยวัฒนธรรมอันงดงามของการส่งถ่ายความรัก ความเคารพที่สอดแทรกเข้าไปกับความอบอุ่นของครอบครัวที่มอบให้แก่กันจากรุ่นสู่รุ่น เป็นการบ่มเพาะการมีสัมมาคารวะ การให้ความนับถือผู้หลักผู้ใหญ่ที่ถูกปลูกฝังในจิตใจของคนไทยทุกคนมาแต่ยังเยาว์วัย จนกลายเป็นการไหว้อันเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอันสวยงามของสังคมไทยที่ทั่วโลกยอมรับและมองอย่างชื่นชม ดังนั้นจึงกำหนดให้วันที่ 13 เมษายนของทุกปีเป็น “วันผู้สูงอายุ” อีกด้วย

ภาพจาก : http://www.matichon.co.th

แต่ในปัจจุบันเราคนไทยต่างหลงลืมแก่นแท้แต่ดั้งเดิมแห่งสงกรานต์กันไปมาก คิดแค่จะได้หยุดงานยาวๆ ไปเล่นสนุกสนานสาดน้ำ ผู้หญิงก็แต่งตัวไม่เหมาะสม ผู้ชายก็จ้องแต่จะหาโอกาสเอาเปรียบเพศตรงข้าม จนก่อให้เกิดปัญหากระทบกระทั่งกันบานปลายใหญ่โตจนผู้คนรอบข้างได้รับอันตรายสุดท้ายกลายเป็นสงกรานต์เลือดก็ยังเคยมี ต้นสายปลายเหตุหลักๆ ของเรื่องแบบนี้ก็มาจากการขาดสติสัมปชัญญะ ขาดการยับยั้งชั่งใจอันเนื่องมาจากปริมาณแอลกอฮอล์จำนวนมากที่แทรกซึมอยู่ในกระแสเลือดของคนเหล่านั้นนั่นเอง และก็ยังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนทุกปีจนต้องมีผู้ที่เสียชีวิตไปในช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้รวมกันแล้ว “ไม่น้อยกว่าสามพันคน” ในแต่ละปี ทั้งตัวของผู้ที่ดื่มเองและผู้ที่ต้องสูญเสียจากการกระทำของผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ด้วย

ภาพจาก : http://personnel.obec.go.th

และอีกวันหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กันนั่นก็คือ “วันครอบครัว” ซึ่งตรงกับวันที่ 14 เมษายนของทุกปีนั้นก็อยู่ช่วงของในเทศกาลสงกรานต์เช่นกัน ที่ถูกกำหนดขึ้นให้อยู่กลางเทศกาลแห่งความสุขนั้นก็เพื่อเป็นการส่งเสริมความรักความอบอุ่นและความสุขในครอบครัวเพราะเป็นช่วงที่พี่น้องญาติโกโหติกาได้กลับมาอยู่รวมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตานั่นเอง และสุดท้ายนี้ก็ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลกจงคุ้มครองเพื่อนบล็อคทุกคนแคล้วคลาดปลอดภัย และขออย่าให้วันดีๆ วันแห่งความสุขของครอบครัว ต้องกลับกลายมาเป็นวันแห่งความสูญเสียเฉกเช่นเดียวกับอีกหลายครอบครัวเลยนะครับ

ขอเปิดบล็อคใหม่นี้ด้วยเรื่องนี้ที่อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องท่องเที่ยวถ่ายรูปโดยตรงสักเท่าไหร่ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ก็แค่อยากกระตุกให้ฉุกคิดขึ้นบ้างเท่านั้น

ขอบคุณที่ติดตามครับ ..

 

 

เขียนโดย : แอดมิน
เมื่อ : วันอังคารที่ 14 เมษายน 2558 เวลา 15:30 น.